วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2560

24.ตะลิงปิง


Image result for ตะลิงปลิง


ต้นตะลิงปลิง มีถิ่นกำเนิดในแถบชายฝั่งทะเลของบราซิล เป็นไม้ผลที่นิยมปลูกทั่วไปเพราะลำต้นมีพวงแน่นที่สวยงาม และยังเป็นพืชร่วมวงศ์กับมะเฟือง แต่จะแตกต่างกันอย่างชัดเจนตรงขนาดของผล โดยผลมะเฟืองจะมีขนาดใหญ่กว่าผลตะลิงปลิง ต้นตะลิงปลิงนั้นจัดเป็นพืชในเขตร้อนและเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดเล็ก สูงประมาณ 5-15 เมตร แตกกิ่งก้านสาขามาก เปลือกต้นสีชมพู ผิวเรียบมีขนนุ่มปกคลุมอยู่ตามกิ่ง ลักษณะของใบตะลิงปลิงเป็นใบประกอบแบบขนนก ใบสีเขียวอ่อนมีขุยนุ่มปกคลุม ใบคล้ายรูปหอก ปลายใบแหลม โคนใบมน ในหนึ่งก้านจะมีใบย่อยประมาณ 11-37 ใบ ขนาดใบกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ยาว 2-5 เซนติเมตร ส่วนลักษณะของดอกตะลิงปลิง จะออกดอกเป็นช่อหลายช่อ ตามกิ่งและลำต้น โดยในแต่ละช่อจะมีความยาวไม่เกิน 6 นิ้ว ลักษณะดอกมีกลีบ 5 กลีบ ดอกสีแดงเข้ม มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบสีเขียวอมชมพู มีเกสรกลางดอกสีขาว

สรรพคุณของตะลิงปลิง


    Image result for ตะลิงปลิง
  1. ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ผล)
  2. ช่วยแก้พิษร้อนใน แก้กระหายน้ำ (ราก)
  3. ผลใช้ผสมกับพริกไทย นำมารับประทานจะช่วยขับเหงื่อได้ (ผล)
  4. ตะลิงปลิงมีสรรพคุณช่วยฟอกโลหิต (ผล)
  5. ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน (ผล)
  6. ในประเทศฟิลิปปินส์ใช้ใบพอกรักษาคางทูม (ใบ, ราก)
  7. สมุนไพรตะลิงปลิงมีสรรพคุณเป็นยาลดไข้ (ผล)
  8. ช่วยดับพิษร้อนของไข้ (ราก)
  9. ดอกตะลิงปลิงนำมาชงเป็นชาดื่มช่วยแก้อาการไอ (ดอก, ผล)
  10. ช่วยละลายเสมหะ แก้เสมหะเหนียวข้น (ผล)
  11. ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร (ผล, ราก)
  12. ช่วยแก้อาการเลือดออกตามกระเพาะอาหารและลำไส้ (ราก)
  13. ช่วยรักษาอาการอักเสบของลำไส้ (ใช้ใบต้มดื่ม, ราก)
  14. ช่วยรักษาซิฟิลิส (Syphilis) (ใช้ใบต้มดื่ม, ราก)
  15. ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร (ผล, ราก)
  16. ใช้เป็นยาบำรุงแก้อาการปวดมดลูก (ผล)
  17. ช่วยบรรเทาอาการของโรคเกาต์ (ราก)
  18. ใบใช้รักษาโรครูมาตอยด์ (ใบ)
  19. ช่วยแก้ไขข้ออักเสบ (ใบ, ราก)
  20. ช่วยฝาดสมาน (ผล, ราก)
  21. ใบช่วยรักษาอาการอักเสบ (ใบ)
  22. ใบตะลิงปลิงใช้พอกแก้อาการคัน ลดอาการบวมแดงให้หายเร็วขึ้น หรือใช้ต้มอาบก็ได้ (ใบ, ราก)
  23. มีผลงานวิจัยที่ประเทศสิงคโปร์พบว่าสารสกัดน้ำของสารสกัดเอทานอลของใบตะลิงปลิง สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดของสัตว์ทดลองได้เป็นอย่างดี
  24. งานวิจัยในประเทศฟิลิปปินส์ชี้ว่าน้ำคั้นจากผลตะลิงปลิงมีฤทธิ์ในการคุมกำเนิด โดยได้ทดลองกับสุกรและหนู พบว่าร้อยละ 60 ของหนูทดลองหลังผสมพันธุ์แล้วไม่ติดลูก โดยเชื่อว่าสเตอรอยด์ไกลโคไซด์และกรดออกซาลิกในน้ำคั้นมีส่วนในการออกฤทธิ์คุมกำเนิดดังกล่าว




23.งาดำ

Image result for งาดำ

   งาดำ จัดเป็นพืชที่มีคุณประโยชน์มากมาย การรับประทานเป็นอาหารเพื่สูขภาพอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายของคุณจะแข็งแรงกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอย่างแน่นอน และเป็นยาที่รักษาได้ทุกโรค
 งาดำอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอย่างวิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 5 บี 6 บี 9 แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม โซเดียม ฟอสฟอรัส สังกะสี เหล็ก เป็นต้น โดยสามารถช่วยบำรุงร่างกายเกือบทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็น ผม ผิวพรรณ กระดูก เล็บ ระบบขับถ่าย การบำรุงหัวใจ จึงเหมาะกับทุกวัย แม้กระทั่งเด็กที่มีอาการป่วยอยู่แล้ว หรือผู้หญิงที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทอง งาดำจะจำเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยป้องกันโรคภาวะกระดูกพรุนอย่างได้ผล
สรรพคุณของงาดำ

    Image result for งาดำ
  1. งาดำมีความสำคัญอย่างมากต่อความสมบูรณ์ของร่างกาย
  2. ช่วยชะลอความแก่ คงความอ่อนเยาว์
  3. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ชุ่มชื้น ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
  4. ช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนังของคุณ
  5. ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง และช่วยให้ผมดกเงางาม
  6. ช่วยป้องกันผมหงอก
  7. ช่วยเพิ่มพลังงานและความแข็งแรงของร่างกาย
  8. ช่วยในการเผาผลาญและสลายไขมัน ลดความอ้วน
  9. ช่วยลดการดูดซึมและการสังเคราะห์คอเลสเตอรอล
  10. ช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว
  11. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ทำให้ระบบหัวใจแข็งแรงยิ่งขึ้น
  12. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
  13. ช่วยลดความเครียด
  14. ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ในระบบประสาท
  15. งาดำมีธาตุเหล็กซึ่งช่วยบำรุงโลหิต
  16. ช่วยลดความดันโลหิต ขยายหลอดเลือด ป้องกันเกล็ดเลือดที่จะเกาะตัวกันเป็นลิ่ม
  17. ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาว ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
  18. การรับประทานงาดำพร้อมกันถั่วจะทำให้ร่างกายได้รับโปรตีนอย่างครบถ้วน ซึ่งบางตัวเป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้
  19. ช่วยให้นอนหลับสบาย ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
  20. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหวัด
  21. ช่วยป้องกันการเกิดโรคเหน็บชา และตะคริว
  22. ช่วยบำรุงกระดูกและป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
  23. ช่วยป้องกันโรคท้องผูก
  24. ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร
  25. ช่วยต้านการอักเสบจากโรคข้อเสื่อม ยับยั้งการเสื่อมสลาย
  26. น้ำมันงาสามารถนำมาใช้เป็นยานวดร่วมกับสมุนไพรอื่น ๆ เพื่อช่วยรักษาเส้นเอ็นอักเสบ
  27. น้ำมันงาช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาการปวดเข่า เคล็ดขัดยอก
  28. ผู้รับประทานมังสวิรัตินิยมใส่งาลงในอาหารถั่วเหลืองที่ปรุง เพื่อให้อาหารมีโปรตีนสมบูรณ์มากขึ้น
  29. ประโยชน์งาดำ ในการนำมาแปรรูปเป็นงาดำแคปซูล
     การรับประทานงาดำเพื่อให้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุดก็คือ การรับประทานงาดำเป็นอาหาร แทนที่จะรับประทานงาดำที่เป็นสารสกัด โดยวิธีที่ดีที่สุดก็คือการรับประทานด้วยวิธีการเคี้ยวจะได้ประโยชน์มากที่สุด แต่หากเรานำมาโรยใส่ข้าวหรือใส่เครื่องดื่ม ในบางครั้งเราอาจจะไม่ได้เคี้ยวด้วยซ้ำ จึงทำให้ร่างกายดูดซึมได้ไม่ดีเท่าที่ควรหรือดูดซึมไม่ได้เลย ซึ่งวิธีการรับประทานก็ง่าย ๆ ด้วยการนำงาดำมาใส่กับขนมปังโฮลวีตรับประทานทุกเช้าวันละ 10 ช้อนสำหรับผู้สูงอายุ แต่สำหรับคนวัยทำงานก็วันละ 3-4 ช้อนก็เพียงพอแล้ว หรือจะอยู่ในรูปของน้ำเต้าหู้งาดำก็ได้เช่นกัน แต่การรับประทานที่ดีนั้นควรรับประทานอย่างเหมาะสมพร้อมรับประทานให้ครบ 5 หมู่เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างสูงสุดและหลากหลาย นอกจากการรับประทานแล้วสามารถนำเอาน้ำมันงามาใช้นวดทาบริเวณที่มีอาการปวดและรักษาเส้นเอ็นที่บาดเจ็บ เพราะน้ำมันงามีสรรพคุณที่ช่วยนำพาสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ที่ถูกนำมาผสมดูดซึมเข้าไปได้ดีขึ้น
  สำหรับการเลือกซื้อเมล็ดงาดำควรเลือกซื้องาดำที่สะอาด ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปน ไม่ควรซื้อที่ที่แบ่งขายตามร้านขายของชำ เพราะอาจจะเสี่ยงกับมูลแมลงสาบและแมลงอื่น ๆ และไม่ควรซื้อแบบที่บดสำเร็จมาแล้วเนื่องจากอาจมีเชื้อราติดมาด้วย เมื่อซื้อมาใช้แล้วควรเก็บใส่ขวดปิดฝาให้มิดชิด เพราะถ้าหากทิ้งไว้นานโดยไม่ปิดฝาให้มิดชิดจะทำให้มีกลิ่นเหม็นหืนได้
ข้อมูลจาก https://medthai.com

21.กระหล่ำปลี


Image result for กะหล่ำปลี

สรรพคุณของกะหล่ำปลี


  1. กะหล่ำปลีมีกรดทาร์ทาริก (Tartaric acid) ที่ช่วยยับยั้งและขัดขวางไม่ให้น้ำตาลและแป้งกลายเป็นไขมัน จึงมีส่วนในการช่วยลดน้ำหนักและคอเลสเตอรอลได้
  2. ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน เพราะกะหล่ำปลีดิบอุดมไปด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นผลดีต่อการเสริมสร้างและบำรุงกระดูก
  3. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แข็งแรง ป้องกันหวัด เพราะกะหล่ำปลีดิบมีวิตามินสูง
  4. ช่วยบำรุงผิวพรรณทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และยังช่วยคงความอ่อนเยาว์ได้อีกด้วย
  5. กะหล่ำปลีมีสารเอสเมธิลเมโธโอนินที่สามารถช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารได้
  6. ช่วยต่อต้านมะเร็ง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้ โดยการบริโภคกะหล่ำปลีมากกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยลดโอกาสของการเป็นมะเร็งลำไส้ในผู้ชายได้ถึง 66%
  7. กะหล่ำปลีช่วยต่อต้านมะเร็งในตับและมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้อีกด้วย
  8. ช่วยในการย่อยอาหารและล้างสารพิษทำความสะอาดลำไส้ เพราะกะหล่ำปลีดิบมีใยอาหารที่มีปริมาณพอเหมาะ จึงช่วยในการย่อยและกระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่ ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  9. ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการอักเสบของแผลในลำไส้ และยังช่วยบำรุงลำไส้
  10. กะหล่ำปลี สรรพคุณช่วยแก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง
  11. กะหล่ำปลี ประโยชน์ช่วยแก้และบรรเทาอาการท้องผูก
  12. ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
  13. ช่วยแก้อาการเจ็บคอ
  14. ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย นอนหลับสบาย หลับสนิท เพราะกะหล่ำปลีดิบมีสารซัลเฟอร์ซึ่งมีส่วนช่วยระงับประสาท ทำให้รู้สึกผ่อนคลายความเครียด
  15. มีส่วนช่วยในการขับปัสสาวะ
  16. ช่วยบำรุงไต
  17. ช่วยบำรุงตับ ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของตับ ช่วยตับในการล้างสารพิษ
  18. ช่วยเพิ่มการสร้างของกลูตาไธโอนซึ่งจำเป็นต่อตับในการช่วยล้างสารพิษจากควันไอเสียและยาต่าง ๆ
  19. ช่วยรักษาระดับเอสโตรเจนให้คงที่
  20. ช่วยบรรเทาอาการปวดตึงคัดเต้านม โดยใช้กะหล่ำปลีมาประคบเต้านม ลอกกะหล่ำปลีออกเป็นใบแล้วนำมาประคบที่เต้านมข้างละใบ ใช้ผ้าพันทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที โดยไม่ต้องนวดคลึง อาการปวดตึงคัดก็จะหายไป
  21. กะหล่ำปลีมีกรดโฟลิก ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างสมองของเด็กทารกในครรภ์
  22. ช่วยชะลอการเกิดผมหงอก กระตุ้นโปรตีนเคราติน (Keratin) ช่วยบำรุงรากผมเพราะกะหล่ำปลี มีวิตามินบี 5
  23. สำหรับผู้ที่ชอบรับประทานอาหารปิ้งย่างเป็นประจำ ควรรับประทานผักกะหล่ำปลีด้วย เพราะอุดมไปด้วย Sulforaphane ที่จะช่วยป้องกันการถูกทำลายของ DNA และลดความเสียหายของ DNA ในร่างกาย

22.เสาวรส


Related image


   เสาวรส หรือ กะทกรก มีลักษณะคล้ายกันกับต้นตำลึงเพราะมีการเจริญเติบโตแบบไม้เถาเลื้อย มีหนามขนาดเล็กขึ้นตามเถา มีขนขึ้นอยู่เต็มไปหมดทุกส่วน ใบเป็นแบบใบเดี่ยว คล้ายรูปหัวใจ ใบมนเป็น 3 แฉก มีปลายแหลม ดอกของกะทกรกมีสีขาว ส่วนบริเวณด้านในที่เป็นเกสรจะมีสีม่วง ดอกจะออกในช่วงเดือนสิงหาคมจนถึงเดือนกันยายน ผลของกะทกรกจะมีลักษณะกลมขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ ผลถูกหุ้มด้วยเยื่อบางๆ ผลอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อเป็นผลแก่จะมีสีเหลืองส้ม มีเมล็ดอยู่ข้างใน มีเนื้อหุ้มเมล็ดอยู่ รสชาติออกหวานเฝื่อนๆ


สรรพคุณของเสาวรส


    Image result for กะทกรก
  1. เปลือกใช้เป็นยาชูกำลัง (เปลือก)
  2. เนื้อไม้ใช้เป็นยาควบคุมธาตุในร่างกาย (เนื้อไม้) ส่วนเถาใช้เป็นยาธาตุ (เถา)
  3. รากสดหรือรากตากแห้งใช้ชงกับน้ำดื่มเป็นชา จะช่วยทำให้สดชื่น (ราก)
  4. ผลดิบมีรสเมาเบื่อ ส่วนผลสุกมีรสหวานเย็น ช่วยบำรุงปอด (ผล)
  5. ทั้งต้นมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงหัวใจ (ทั้งต้น)
  6. ช่วยถอนพิษเบื่อเมาทุกชนิด (เนื้อไม้)
  7. ช่วยแก้ความดันโลหิตสูง (ราก)
  8. แพทย์ชาวเวียดนามใช้ใบเป็นสงบระงับ ระงับความเครียดและความวิตกกังวล ด้วยการใช้ใบแห้งประมาณ 10-15 กรัม (ต่อวัน) นำมาต้มกับน้ำกิน (ใบ)
  9. ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ด้วยการใช้ใบนำมาตำใช้พอกหรือประคบที่ศีรษะ (ใบ)
  10. รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้จับสั่น (ราก)
  11. ใบใช้ตำพอกศีรษะ ช่วยแก้อาการหวัด คัดจมูก (ใบ)ช่วยแก้อาการไอ (ใบ, ดอก, ต้น, ทั้งต้น)
  12. ช่วยขับเสมหะ (ใบ, ต้น, ทั้งต้น)
  13. เมล็ดใช้แก้เด็กที่มีอาการท้องอืดเฟ้อ ช่วยทำให้ผายลม ด้วยการนำเมล็ดมาตำให้ละเอียด ใช้ผสมกับน้ำส้มและรมควันให้อุ่น แล้วเอาไปทาท้องเด็ก (เมล็ด)
  14. ใบนำมาตำให้ละเอียด แล้วคั้นเอาแต่น้ำดื่มเป็นยาเบื่อและยาขับพยาธิ (ใบ)
  15. ดอก ใบ และทั้งต้นมีรสเบื่อเมา ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ (ใบ, ดอก, ต้น, ทั้งต้น)
  16. เถาและรากสดใช้ต้มเป็นยาแก้ปัสสาวะขุ่นข้น (ราก)
  17. ช่วยแก้กามโรค (ราก)
  18. ช่วยรักษาบาดแผล (เนื้อไม้, ใบ, ผล) และเถาใช้เป็นยาพอกรักษาแผล (เถา)
  19. ใบใช้ตำพอกฆ่าเชื้อบาดแผล (ใบ)
  20. เปลือกใช้ตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าว ช่วยแก้ไฟไหม้น้ำร้อนลวก (เปลือก)
  21. เปลือกช่วยทำให้แผลเน่าเปื่อยแห้ง (เปลือก)
  22. ใบสดนำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำพอสมควร นำมาทาวันละ 3-4 ครั้ง เพื่อใช้รักษาโรคผิวหนัง แก้อาการคัน แก้หิด แก้หืด (ใบ)
  23. ช่วยแก้อาการปวด (ผล)
  24. ช่วยแก้อาการบวม (ใบ, ต้น, ทั้งต้น)แก้อาการบวมที่ไม่รู้สาเหตุ (ทั้งต้น)
  25. ช่วยแก้อาการเหน็บชา โดยนำมาสับตากแดด แล้วนำมาต้มกิน (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
  26. ใบนำมาตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำใช้พอกรักษาสิว (ใบ)


20.กานพลู


Image result for กานพลู

   กานพลู หรือ Clove หรือคนภาคเหนือเรียก จันจี่ วงศ์ MYRTACEAE มีชื่อวิทยาศาสตร์Eugenia caryophyllus  Bullock&Harrison. เป็นพืชที่ชอบอากาศชื้น เป็นพืชพื้นเมืองของฟิลิปินส์ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ส่วนที่ใช้เป็นยาคือดอกตูมที่แก่จัด หมอยาจะเก็บดอกช่วงนี้มาตากแห้งเก็บไว้ใช้ ดอกกานพลูที่จำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไปมักเป็นดอกที่มีการกลั่นเอาน้ำมันหอมระเหยออกไปก่อนแล้ว 
ต้นกานพลู เป็นไม้ยืนต้นและเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่น่าใจ มีสรรพคุณทางยาหลากหลาย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เป็นสมุนไพรไทยที่มีรสเผ็ด โดยมีการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวมากที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย อินเดีย ปากีสถาน และศรีลังกา เป็นต้น

ประโยชน์ของกานพลู


  1. กานพลูมีสารประกอบอย่างฟีโนลิกในปริมาณมาก ซึ่งมีสรรพคุณช่วยเรื่องการต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย
  2. ใบกานพลูมีส่วนช่วยเผาผลาญแคลอรี ช่วยลดความอยากน้ำตาล และช่วยลดและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  3. กานพลูแก้ปวดฟัน ด้วยการใช้น้ำมันที่กลั่นมาจากดอกตูมของดอกกานพลูประมาณ 5 หยด แล้วใช้สำลีพันปลายไม้จุ่มน้ำมันนำมาอุดในรูที่ปวดฟันจะช่วยบรรเทาอาการปวดฟันได้ หรือจะนำดอกมาเคี้ยวแล้วอมไว้ตรงบริเวณที่มีอาการปวดฟันก็ได้ หรือจะนำดอกกานพลูมาตำให้แหลก ผสมกับเหล้าขาวเล็กน้อยพอให้แฉะ แล้วนำมาอุดฟันบริเวณที่ปวด (น้ำมันสกัด) หรือจะใช้ดอกตูมที่แห้งแล้วนำมาแช่เหล้าเอาสำลีชุบอุดรูฟันก็ได้เช่นกัน
  4. ช่วยรักษาโรครำมะนาด (โรคปริทันต์) หรือโรคที่มีการอักเสบของอวัยวะรอบ ๆ ฟันนั่นเอง ด้วยการนำดอกมาเคี้ยวแล้วอมไว้ตรงบริเวณที่มีอาการของโรค (ดอกตูม)
  5. ช่วยระงับกลิ่นปาก ดับกลิ่นเหล้าได้เป็นอย่างดี ด้วยการใช้ดอกตูมของกานพลูประมาณ 3 ดอก อมไว้ในปากจะช่วยลดกลิ่นปากลงไปได้บ้าง และยังเป็นส่วนผสมในน้ำยาบ้วนปากหลายชนิด (ดอกตูม)
  6. ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน หน้ามืดตาลาย (ดอก)
  7. ช่วยแก้อาการสะอึก แก้ซางต่าง ๆ (ดอก)
  8. ดอกตูมของกานพลูใช้รับประทานเพื่อขับลม แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ (ดอกตูม)
  9. ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ (ดอกตูม)
  10. กานพลูมีสรรพคุณช่วยลดอาการจุกเสียดแน่นท้อง ที่เกิดจากการย่อยอาหารไม่สมบูรณ์ (ดอกตูม)
    Related image
  1. ช่วยกระตุ้นการหลั่งเมือกและช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร (ดอกตูม)
  2. ช่วยแก้อาการท้องเสียในเด็ก (ดอกตูม)
  3. ช่วยแก้อาการเหน็บชา (ดอกตูม)
  4. ช่วยรักษาโรคหืดหอบ (ดอกตูม)
  5. ช่วยแก้อาการไอ ด้วยการอมดอกกานพลู ระหว่างอมอาจจะรู้สึกชาปากบ้างเล็กน้อย (ดอกตูม)
  6. ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน (ดอกตูม)
  7. ช่วยขับเสมหะ แก้เสมหะเหนียวข้น (ดอกตูม)
  8. ช่วยขับน้ำดี (ดอกตูม)
  9. มีส่วนช่วยในการดูดซึมของธาตุเหล็กให้ดียิ่งขึ้น
  10. ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย แก้เลือดเสีย (ดอกตูม)
  11. ช่วยขับน้ำคาวปลา (ดอกตูม)
  12. ช่วยแก้ลม แก้ธาตุพิการ บำรุงธาตุ (ดอกตูม)
  13. ช่วยขับผายลม จับลมในลำไส้ (ดอกตูม)
  14. เปลือกของต้นการพลู ช่วยแก้อาการปวดท้อง แก้ลม และช่วยคุมธาตุ
  15. ผลของกานพลูนำมาใช้เป็นเครื่องเทศ ซึ่งเป็นตัวช่วยให้มีกลิ่นหอม
  16. น้ำมันหอมระเหยของกานพลู (Essential oil) ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ (น้ำมันหอมระเหย)
  17. น้ำมันหอมระเหยของกานพลู ช่วยทำให้ประสาทสงบ
  18. ใช้เป็นยาระงับอาการชักกระตุก ด้วยน้ำมันหอมระเหยจากกานพลู (น้ำมันหอมระเหย)
  19. ช่วยทำให้ผิวหนังชา ด้วยการใช้น้ำมันหอมระเหยจากดอกกานพลู เพราะมีสาร Eugenol ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่ (น้ำมันหอมระเหย)
  20. ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเชื้อบิดชนิดไม่มีตัว เชื้อหนอง เชื้อโรคไทฟอยด์ เป็นต้น (ดอกตูม)
  21. น้ำมันหอมระเหยจากกานพลูมีส่วนช่วยฆ่าเชื้อจากบาดแผล แมลงสัตว์กัดต่อยได้
  22. งานวิจัยพบว่าน้ำมันกานพลูสามารถช่วยละลายลิ่มเลือดและช่วยลดการจับตัวเป็นก้อนได้
  23. กานพลูเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่นำมาใช้ในการย้อมสีผม ซึ่งจะให้สีผมที่ใกล้เคียงกับสีดำ
  24. น้ำมันกานพลู (Clove oil) นำมาใช้ในการแต่งกลิ่นอาหาร แต่งกลิ่นสบู่ และยาสีฟัน
  25. น้ำมันกานพลูมีฤทธิ์ในการช่วยไล่ยุงได้
  26. ใช้เป็นส่วนผสมของสมุนไพรในตำรับยาต่าง ๆ หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น พิกัดตรีพิษจักร พิกัดตรีคันธวาต ยาหอมเทพจิต ยาหอมนวโกฐ ยาธาตุบรรจบ ยาประสะกานพลู เป็นต้น
  27. กานพลูเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่แนะนำให้รับประทานของหญิงให้นมบุตรเพราะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต และทำให้มีน้ำนมเพิ่มมากขึ้น แต่สำหรับหญิงที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันหอมระเหยกานพลู เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
  28. ผู้ผลิตบางรายได้นำกานพลูมาทำเป็นบุหรี่ หรือที่เรียกกันว่าบุหรี่กานพลู โดยมีการพัฒนาสูตรใหม่ ๆเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรสชาติ ที่มีทั้งรสช็อกโกแลต รสบ๊วย รสวานิลลา รสผลไม้ และอื่น ๆ มากมาย แต่เหล่านี้ก็ยังถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพอยู่ดี จึงไม่ขอแนะนำ และบุหรี่กานพลูก็มีพิษเทียบเท่ากับบุหรี่ทั่วไปอีกด้วย
  29. น้ำมันสกัดจากการพลูสามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของ Lactococcus garvieae ในอาหารเลี้ยงเชื้อได้ เมื่อนำอาหารปลาที่ผสมกับน้ำมันกานพลูมาเลี้ยงปลานิล จะทำให้ปริมาณการตายเนื่องจากการติดเชื้อ L. garvieae ของปลานิลลดลง

    จะเห็นได้ว่า ก้านพลูมีประโยชน์มากมายเลยทีเดียว แต่ก็ควรรับประทานให้พอเหมาะกับความต้องการนะคะ ไม่เช่นนั้นก็อาจเกิดอันตราต่อสูขภาพเราได้เช่นกันค่ะ 





19.กระเพรา


Image result for กระเพรา

กะเพรา ชื่อสามัญ Holy basil, Sacred basil
กะเพรา ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum tenuiflorum L. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Ocimum sanctum L.) จัดอยู่ในวงศ์กะเพรา (LAMIACEAE หรือ LABIATAE)
    กะเพรา (Holy Basil, Sacred Basil) เป็นพืชสมุนไพรจำพวกต้นที่มีชื่อเรียกอื่นๆ ว่า กะเพราบ้าน, กะเพราแดง, กะเพราขาว, กะเพราดำ, กอมก้อ, กอมก้อดำ, กอมก้อขาว และกะเพราขน เป็นต้น โดยทั่วไปนิยมนำมาประกอบอาหารรับประทาน อย่างผัดกะเพรา เป็นที่นิยมมาก กะเพราะนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ กะเพราขาว, กะเพราแดง และกะเพราที่ผสมกันระหว่างกะเพราขาวและกะเพราแดง

ประโยชน์และสรรพคุณของกะเพร

    Image result for กระเพรา
  1. ใช้ทำเป็นยาอายุวัฒนะ (the elixir of life)
  2. ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นและป้องกันอาการหวัดได้ (ใบ)
  3. กะเพราเป็นส่วนประกอบของยาสมุนไพรหลายชนิด เช่น ยารักษาตานขโมยสำหรับเด็ก ยาแก้ทางเด็ก ฯลฯ
  4. รากแห้งนำมาชงหรือต้มกับน้ำร้อนดื่ม ช่วยแก้โรคธาตุพิการ (ราก)
  5. ช่วยบำรุงธาตุไฟ (ใบ)
  6. ช่วยแก้อาการคลื่นเหียนอาเจียน (ใบ)
  7. ช่วยแก้อาการปวดด้วยการใช้ใบกะเพรานำมาคั้นรับประทานสด 1 ถ้วยตะไล จะช่วยแก้อาการปวดมวนท้องได้เป็นอย่างดี (ใบ)
  8. ช่วยขับลมแก้อาการปวดท้องอุจจาระ (ใบ)
  9. ใบกะเพรามีสรรพคุณช่วยขับลมในกระเพาะ (ใบ)                 
  10. ช่วยแก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง (ใบ)
  11. ช่วยแก้ลมซานตาง (ใบ)
  12. น้ำสกัดจากทั้งต้นของกะเพรามีฤทธิ์ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ (น้ำสกัดจากทั้งต้น)
  13. ช่วยย่อยไขมัน (น้ำสกัดจากทั้งต้น)
  14. ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร (น้ำสกัดจากทั้งต้น)
  15. กะเพรามีสรรพคุณช่วยขับน้ำดี (น้ำสกัดจากทั้งต้น)
  16. ช่วยแก้ลมพิษ ด้วยการใช้ใบกะเพราประมาณ 1 กำมือนำมาตำผสมเหล้าขาวแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็นลมพิษ (ใบ)
  17. ใช้ทำเป็นยารักษากลากเกลื้อน ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 20 ใบนำมาขยี้ให้น้ำออกมา แล้วนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นวันละ 2-3 ครั้งจนกว่าจะหาย (ใบ)
  18. ใช้เป็นยารักษาหูด ด้วยการใช้ใบกะเพราแดงสดนำมาขยี้แล้วทาบริเวณที่เป็นหูดเช้า-เย็น จนกว่าหัวหูดจะหลุดออกมา โดยระวังอย่าให้เข้าตาและถูกบริเวณผิวที่ไม่ได้เป็นหูด เพราะจะทำให้เนื้อดีเน่าเปื่อยและรักษาได้ยาก (ใบสด)
  19. ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้ ด้วยการใช้ใบกะเพรานำมาตำผสมกับเหล้าขาว แล้วนำมาทาบริเวณที่ถูกกัด ห้ามนำมารับประทานเด็ดขาดเพราะจะมีสารยูจีนอล (Eugenol) ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารและอาจถึงขั้นโคม่าได้ (ใบ)
  20. ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคและช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดได้ (น้ำมันใบกะเพรา)
  21. มีงานวิจัยพบว่ากะเพราสามารช่วยยับยั้งสารอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารพิษที่มักพบเจือปนในอาหารซึ่งเป็นสารก่อโรคมะเร็งได้ (สารสกัดจากกะเพรา)
  22. ใบกะเพรามีฤทธิ์ในการช่วยขับไขมันและน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย ช่วยลดระดับไขมันในร่างกายและช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้ โดยมีการใช้ใบกะเพราในกระต่ายทดลอง โดยให้กระต่ายกินใบกะเพราติดต่อ 4 สัปดาห์พบว่าระดับไขมันโดยรวมลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไขมันเลว (LDL) ลดลง แต่ไขมันชนิดดี (HDL) กลับเพิ่มขึ้น
  23. ช่วยเพิ่มน้ำนมให้สตรีหลังคลอดบุตร ด้วยการใช้ใบกะเพราสดประมาณ 1 กำมือ นำมาใส่แกงเลียงรับประทานบ่อย ๆ ในช่วงหลังคลอด (ใบ)
  24. นำเมล็ดไปแช่น้ำจะพองตัวเป็นเมือกขาว นำมาใช้พอกบริเวณตา เมื่อมีฝุ่นละอองหรือเศษผงเข้าตา ผงหรือฝุ่นละอองก็จะหลุดออกมา โดยไม่ทำให้ตาของเรานั้นช้ำอีกด้วย (เมล็ด)
  25. ใบและกิ่งสดของกะเพรามีการนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยด้วยการต้มกลั่นจนได้น้ำมันหอมระเหยร้อยละ 0.08 – 0.1 โดยมีราคาประมาณกิโลกรัมละหนึ่งหมื่นบา
  26. ใช้ไล่ยุงหรือฆ่ายุง ด้วยการใช้ทั้งใบสดและกิ่งสด เอาใบมาขยี้แล้ววางใกล้ตัว ๆ จะช่วยไล่ยุงและแมลงได้ โดยน้ำมันกะเพราที่สกัดมาจากใบจะมีคุณสมบัติช่วยไล่ยุงได้ดีกว่าต้นสด (ใบสด, กิ่งสด)
  27. น้ำมันสกัดจากใบสด ช่วยล่อแมลง ทำให้แมลงวันทองบินมาตอมน้ำมันนี้ (น้ำมันสกัดจากใบสด)
  28. ใช้ในการประกอบอาหารและช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ ในเมนูกะเพราสุดโปรด เช่น ผัดกะเพรา แกงเลียง แกงป่า แกงคั่ว แกงเขียวหวาน แกงส้มมะเขือขื่น ผัดกบ ผัดหมู ผัดปลาไหล พล่าปลาดุก พล่ากุ้ง หรือจะนำใบกะเพรามาทอดแล้วใช้โรยหน้าอาหารเมนูต่าง ๆ ก็ได้ ฯลฯ
  29. ใบกะเพราสามารถช่วยดับกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ได้ (ใบ)
 ดังนั้น จะเห็นได้ว่ากะเพราเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์มากมายจริงๆ แถมหารับประทานกันได้ง่ายอีกด้วย ปลูกเป็นพืชสวนครัวไว้ที่บ้านก็ดี กินดี รักษาโรค ได้สุขภาพ ที่ดีอีกด้วยค่ะ


18.ขมิ้นชัน


Image result for ขมิ้นชัน

"ขมิ้นชัน" หรือ "ขมิ้น" (Turmeric) นั้นถือเป็นพืชสมุนไพรที่มีลักษณะเด่นคือ มีกลิ่นหอมและมีสีเหลืองทอง สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย มีใครพอจะทราบกันไหมเอ่ยว่ามีอะไรบ้าง อืม...คงมีคิดเหมือนกันหลายคนเลยว่า ขมิ้นช่วยในเรื่องของการดูแลผิวพรรณโดยเฉพาะคนที่รักสวยรักงาม บางคนก็เอามาใช้พอกหน้า ขัดผิวกาย ซึ่งจะทำให้ผิวพรรณนุ่มนวลผ่องใส ดูเกลี้ยงเกลา อีกทั้งสรรพคุณของขมิ้นชันยังช่วยป้องกันการงอกของเส้นขนได้ด้วย
  นอกจากนี้ที่เราพอจะคิดออกอีกก็คือ ประโยชน์ของขมิ้นชัสามารถนำมาใช้ปรุงอาหารได้สารพัดเมนู อาทิ แกงเหลือง แกงกะหรี่ แกงไตปลา แกงฮังเล ข้าวหมกไก่ หรือขนมเบื้องญวน ที่ไม่ใช่มีดีแค่ความอร่อยนะ ทราบหรือไม่ว่ายังมีอะไรอีก เราบอกให้ก็ได้ว่า ในขมิ้นชันยังมีสารสำคัญอย่างเคอร์คูมิน สารสีเหลืองในขมิ้นชัน และมีคุณสมบัติเป็นน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีสรรพคุณเป็นยาได้เป็นอย่างดี


สรรพคุณของขมิ้นชัน... ประโยชน์ในการรักษาโรค ดูแลความงาม

1. ขมิ้นชันช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โดยจะยับยัั้งการเติบโตและการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด และมะเร็งเม็ดเลือดขาว และมีบทบาทสำคัญในการต่อต้านโรคที่มีสาเหตุมาจากความเสื่อมของร่างกาย
2. ขมิ้นชันมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ โดยในขมิ้นชันมีสารสำคัญที่มีฤทธิ์ในการลดอาการอักเสบและสามารถลดความเจ็บปวดที่รุนแรงให้เบาลงได้ทุกชนิด ที่เห็นเด่นชัดคือมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการอักเสบของโรคข้อเข่าเสื่อมและโรคไขข้ออักเสบ
3. การกินขมิ้นชันเป็นประจำจะช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ ช่วยในการขับลม ทำให้ระบบการขับถ่ายเป็นปกติ และยังช่วยทำความสะอาดลำไส้ ไม่ให้มีขยะตกค้าง ซึ่งจะส่งผลให้ไม่เกิดแก๊สพิษที่เป็นสาเหตุของกลิ่นตัว ป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวารด้วย
4. ขมิ้นชันช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร โดยสารสำคัญคือน้ำมันหอมระเหยจากขมิ้นชัน แถมป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดี
5.ประโยชน์ของขมิ้นชัน รักษาอาการท้องเสีย ตามตำรายาพื้นบ้านขมิ้นชันสามารถช่วยรักษาอาการท้องเสียและอุจจาระร่วง
6. ขมิ้นชันช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ลดโอกาสการเกิดโรคได้หลายชนิด และภูมิคุ้มกันที่ดียังทำให้สุขภาพของผิวหนังแข็งแรงตามไปด้วย
7. สรรพคุณขมิ้นชันลดคอเลสเตอรอล จากการวิจัยยืนยันว่าการกินอาหารที่มีขมิ้นเป็นส่วนผสมอยู่ด้วย จะช่วยลดระดับของคอเลสเตอรอลในร่างกายได้
8. ขมิ้นชันมีฤทธิ์ช่วยในการขับและกระตุ้นการสร้างน้ำดี โดยน้ำดีนั้นมีบทบาทสำคัญในการช่วยย่อยอาหารและดูดซึมอาหารในร่างกายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้อง
9. ประโยชน์ของมิ้นชันบรรเทาอาการของโรคเบาหวานได้ เพราะในขมิ้นชันสามารถควบคุมระดับของอินซูลินให้เหมาะสม
10. ขมิ้นชันมีส่วนช่วยเพิ่มการไหลเวียนของน้ำดี ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการสลายไขมันในอาหาร ส่งผลดีต่อคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรืออยากลดน้ำหนัก
11. ขมิ้นชันมีประโยชน์ต่อตับ บำรุงตับ และป้องกันตับอักเสบ ช่วยขจัดสารพิษต่างๆ ในตับ อย่างการกินยาพาราเซตามอลมากเกินจนอาจไปทำลายตับได้
12. ขมิ้นชันช่วยบำรุงปอด ให้มีสุขภาพดีและแข็งแรง ลดอาการของโรคภูมิแพ้ทางจมูกที่หายใจไม่สะดวก ให้หายใจได้สะดวกขึ้น
13. สรรพคุณของขมิ้นชันช่วยบำรุงหัวใจ การกินขมิ้นชันอย่างสม่ำเสมอยังส่งผลดีต่อคนที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ ระบบต่างๆ เกี่ยวกับหัวใจจะแข็งแรงขึ้น
14. ขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการช่วยบำรุงสมอง โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของออกซิเจนให้ดีขึ้น จึงช่วยชะลอและป้องกันโรคความจำเสื่อม
15. ขมิ้นชันช่วยดูแลกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง ลดปัญหากลั้นปัสสาวะไม่อยู่โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
16. ผงขมิ้นชันมีสรรพคุณใช้เป็นยาฆ่าเชื้อโรคได้ตามธรรมชาติ ช่วยสมานบาดแผล เช่น โดนของมีคม แผลไฟไหม้ ฯลฯ ให้หายเร็วขึ้น
17. ผงขมิ้นชันนำมาใช้พอกหน้าและขัดผิวกาย ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส เต่งตึง และยังช่วยรักษาสิวเสี้ยน สิวผด สิวอุดตัน
18. ประโยชน์องขมิ้นชันต่อหญิงให้นมบุตร โดยขมิ้นชันมีส่วนช่วยขับน้ำนมของมารดาหลังคลอดบุตรได้
19. ขมิ้นชันช่วยบำรุงสมอง อีกทั้งช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม
20. ขมิ้นชันช่วยแก้อาการปวดท้อง โดยน้ำมันหอมระเหยในขมิ้นมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้เป็นอย่างดี
21. ขมิ้นชันช่วยแก้อาการตกขาว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสรรพคุณของขมิ้นชันที่สาวๆ ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว
22. ขมิ้นชันช่วยแก้อาการผื่นคัน  รวมถึงช่วยรักษากลาก เกลื้อนได้ โดยนำผงขมิ้นชันผสมกับน้ำ ทาบริเวณที่เป็นกลากเกลื้อน เช้า-เย็น หลังอาบน้ำเสร็จ กลากเกลื้อนก็จะค่อยๆ หายไป 
23. ขมิ้นชันชะลอการงอกของขนได้ การนำขมิ้นชันมาทาผิวสามารถเพื่อป้องกันไม่ให้ขนงอก ขนขึ้นใหม่เร็ว
24. ขมิ้นชันรักษาสิวได้  เป็นอีกหนึ่งคุณประโยชน์ของขมิ้นชัน โดยนำมาเป็นทรีทเม้นท์รักษาสิวเสี้ยน สิวผด สิวอุดตัน หรือจะนำผงขมิ้นชันผสมน้ำแต้มหัวสิว ก็ช่วยให้สิวยุบได้นะค่ะ



17.มะพร้าว



Image result for มะพร้าว



มะพร้าว (Coconut) ผลไม้ลูกกลมๆ ที่อัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย ให้ทั้งความอร่อยและสดชื่น นับเป็นอีกหนึ่งผลไม้สุดโปรดของใครหลายๆ คน เนื้อมะพร้าวและน้ำมะพร้าวมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง สดชื่น กระปรี้กระเปร่า นอกจากนี้มะพร้าวยังนำมาแปรรูปได้หลากหลาย ที่รู้จักกันดีคือ น้ำมันมะพร้าว ที่ถือเป็นน้ำมันที่มีประโยชน์มากๆ เมื่อนำไปสกัดเย็น ส่วนเปลือกและรากของมะพร้าวยังนำไปทำเป็นยารักษาโรคได้มากมาย มะพร้าวจึงเป็นผลไม้มากประโยชน์ที่ไม่ควรมองข้ามมารู้จักกับ สรรพคุณและประโยชน์ของมะพร้าว ให้มากขึ้นกันดีกว่าค่ะ


20 สรรพคุณดีๆ จากมะพร้าว

มะพร้าวมีกรดไขมันดี ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
เนื้อมะพร้าวช่วยขับพยาธิ ขับปัสสาวะ ช่วยล้างลำไส้
เนื้อมะพร้าวมีใยอาหารสูง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
เนื้อมะพร้าวอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส ที่ช่วยบำรุงเหงือกและฟันให้แข็งแรง
สรรพคุณของเนื้อมะพร้าวช่วยบรรเทาโรคลำไส้อักเสบได้
น้ำมะพร้าวมีประโยชน์ช่วยล้างพิษในท้อง แก้คลื่นไส้ แก้อาเจียนได้
น้ำมะพร้าวมีฤทธิ์เย็น จึงช่วยดับร้อน แก้กระหายน้ำ แก้ร้อนในได้ดี
น้ำมะพร้าวช่วยให้ผิวพรรณสดใส ขาวเนียน มีน้ำมีนวล
Related imageน้ำมะพร้าวช่วยรักษาโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ
10 น้ำมะพร้าวช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้คงที่
11 ประโยชน์ของน้ำมะพร้าวช่วยแก้อาการปวดท้องได้
12 น้ำมะพร้าวช่วยล้างพิษ และแก้อาการแฮงค์จากการดื่มแอลกอฮอล์
13 น้ำมันจากมะพร้าวช่วยบำรุงหัวใจ และช่วยในการขยายหลอดเลือด
14 น้ำมันจากมะพร้าวนำมานวดตัวแก้ปวดเมื่อยได้
15 น้ำมันจากมะพร้าวมีเกลือแร่ช่วยระบายท้อง ทำให้ขับถ่ายสะดวก
16 น้ำมันจากมะพร้าวช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ลดรอยแตกลายได้
17 น้ำมันจากมะพร้าวช่วยปกป้องแสงยูวี ป้องกันผิวเสียจากแสงแดด
18 น้ำกะทิมีกรดลอลิค ที่ช่วยรักษาอาการอักเสบจากภายใน และช่วยต้านเชื้อราได้
19 ใบของมะพร้าวช่วยแก้ผดผื่นคัน รักษาโรคอีสุกอีใสได้
20 รากของมะพร้าวช่วยแก้อาการท้องเสีย และอาหารเป็นพิษได้
จะเห็นว่าสรรพคุณและประโยชน์ของมะพร้าวนั้นมีมากเหลือเกิน ไม่ใช่แค่เนื้อมะพร้าว แต่ยังมีประโยชน์ทั้งน้ำมะพร้าว ใบ ราก รวมไปถึงกะทิ นอกจากนี้มะพร้าวยังเป็นผลไม้ที่หากินง่าย ราคาถูก นำมาทำเป็นขนมได้หลายอย่าง หรือจะเลือกกินทั้งน้ำทั้งเนื้อแบบเพียวๆ ก็ได้ประโยชน์มากมายแล้ว


16.ตำลึง


Related image



ตำลึง ชื่อสามัญ Ivy gourd
ตำลึง ชื่อวิทยาศาสตร์ Coccinia grandis (L.) Voigt (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Cephalandra indica (Wight & Arn.) Naudin) จัดอยู่ในวงศ์แตง (CUCURBITACEAE)


ตำลึง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ตำลึง, สี่บาท (ภาคกลาง), ผักแคบ (ภาคเหนือ), ผักตำนิน (ภาคอีสาน), แคเด๊าะ (แม่ฮ่องสอน) เป็นต้น
                                  11 สรรพคุณของตำลึง ประโยชน์ในการรักษาโรค
1. ตำลึงมีสรรพคุณที่ช่วยรักษาอาการของโรคเบาหวานได้ โดยมีหลายงานวิจัยที่บ่งชี้ว่าตำลึงจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้น้ำตาลอยู่ในระดับคงที่ และในสมัยก่อนก็ได้มีการนำตำลึงมาใช้เพื่อรักษาโรคเบาหวานด้วย ตำลึงจึงเปรียบเป็นเหมือนยารักษาเบาหวานมานานหลายร้อยปีเลยทีเดียว
2. ประโยชน์ของตำลึงมีวิตามินเอสูง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยบำรุงและรักษาสายตา เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการของตามัวเพราะขาดวิตามินเอ รวมถึงผู้ที่นั่งอยู่หน้าคอมพ์นานๆ ป้องกันจอประสาทตาเสื่อม แก้อาการตาฝ้า ทำให้สายตาเป็นปกติ ช่วยให้ปรับสภาพสายตาได้ดีในที่มืด สามารถมองเห็นได้ชัดในที่มืด และป้องกันโรคตาบอดในตอนกลางคืน
3. ตำลึงมีคุณค่าทางสารอาหารสูง จึงมีประโยชน์ต่อคนทุกวัยโดยเฉพาะคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หรือเพิ่งคลอดรวมถึงทารกที่ต้องการสารอาหารอย่างครบถ้วนเพื่อเข้าไปช่วยบำรุงร่างกาย จะช่วยให้คุณแม่มีน้ำนมมากพอสำหรับทารก ทำให้ทารกได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างเต็มที่
Image result for ตำลึง4. ตำลึงยังเป็นแหล่งของวิตามินบี 3 ซึ่งจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดูมีน้ำมีนวล หากใครที่มีปัญหาของผิวแห้งก็จะทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง ผิวพรรณผ่องใส และช่วยซ่อมแซม สร้างเนื้อเยื่อภายในร่างกาย
5. ตำลึงอุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ซึ่งมีมากพอๆ กับนมสดและเป็นแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อทุกคน ยิ่งคนในวัยสูงอายุและในผู้หญิงที่ต้องการแคลเซียมอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน กระดูกไม่แตกหักง่ายด้วย
6. ตำลึงมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่เป็นประโยชน์ต่อการช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกาย ช่วยชะลอความชราได้ดี และสามารถป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โดยจะช่วยขับสารพิษที่เป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
7. สรรพคุณตำลึงมีฤทธิ์ในการช่วยบำรุงเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายไม่อ่อนเพลียง่าย ระบบการทำงานภายในร่างกายสามารถทำงานดีขึ้น มีเรี่ยวแรงในการทำกิจกรรมต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
8. ตำลึงมีเส้นใยอาหารที่จะช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการท้องผูก ป้องกัน โรคริดสีดวงทวาร ช่วยระบายท้อง ขับสารพิษออกจากลำไส้ได้ และยังเหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนัก
9. ตำลึงมีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจ สามารถป้องกันอาการของโรคหัวใจขาดเลือด รวมทั้งช่วยป้องกันการเกิดอาการอัมพาตได้ด้วย
10. ตำลึงมีฤทธิ์ในการช่วยแก้พิษไข้ ลดไข้ ช่วยแก้ร้อนใน บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ แก้อาการอาเจียน และยังมีสรรพคุณแก้อาการคันและการอักเสบจากพิษแมลงสัตว์กัดตอยได้
11. ตำลึงยังมีประโยชน์ใช้แทนผงชูรสในการปรุงอาหารได้ ด้วยการนำตำลึงทั้งแก่ทั้งอ่อนใส่ลงไปในหม้อต้มน้ำซุปต่างๆ ซึ่งจะให้รสชาติที่หวานกลมกล่อมเหมือนกับที่ใส่ผงชูรสลงไป
   นอกจากเราจะสามารถซื้อหรือมองหาผักอย่างตำลึงมาใช้ปรุงอาหารได้ง่ายๆ แล้ว เรายังนำตำลึงมาปรุงอาหารได้หลากหลายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นผักจิ้ม ใส่ในแกงจืด แกงเลียง หรือใส่ในก๋วยเตี๋ยวก็ให้รสชาติที่อร่อยไม่น้อยไปกว่ากัน ซึ่งจะช่วยให้เราได้ประโยชน์จากตำลึงได้ตลอดเวลาเลยทีเดียว

42.ใบเตย เตย เตย  หรือ  เตยหอม   ชื่อสามัญ Pandan leaves, Fragrant pandan, Pandom wangi เตย ชื่อวิทยาศาสตร์  Pandanus amarylli...